โรคต้อหิน รับมืออย่างไร

1. รักษาโดยใช้ยา
เป็นการรักษาเบื้องต้นที่ดีที่สุด สะดวก ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพแต่จำเป็นต้องใช้ยาหยอดตาทุกวันไปตลอดชีวิตปัจจุบันยาหยอดตามีหลายชนิดต่างกันที่กลไกการออกฤทธิ์ ประสิทธิภาพ และอาการข้างเคียง การใช้ยารักษาต้อหินชนิดกินหรือฉีดนั้นจะใช้ในระยะสั้นเพื่อเตรียมการผ่าตัด เนื่องจากมีผลข้างเคียงสูง ยาที่ใช้รักษาต้อหินแบ่งเป็น 6 กลุ่มหลัก

  • ยากลุ่ม Beta-adrenergic Blockers ยากลุ่มนี้ โดยเฉพาะยา Timolol เป็นยาที่ใช้กันบ่อยและใช้กันมานานแล้ว โดยหยอดวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น แต่ควรระวังในผู้ป่วยที่เป็นโรคหอบหืดหรือโรคหัวใจบางชนิด
  • ยากลุ่ม Adrenergic Agonist ยากลุ่มนี้บางตัวมีฤทธิ์ปกป้องสายตาได้ด้วย (Neuroprotection) แต่ควรระวังในผู้ป่วยเด็กเล็ก อาจทำให้อ่อนเพลียและง่วงซึม บางรายอาจมีอาการแพ้ได้
  • ยากลุ่ม Carbonic Anhydrase Inhibitor ยากลุ่มนี้บางตัวสามารถเพิ่มเลือดไปเลี้ยงบริเวณขั้วประสาทตาได้ แต่บางรายอาจมีอาการแสบตา ยากลุ่มนี้สามารถลดความดันตาได้ดี แต่อาจทำให้ชาปลายมือ-เท้า เบื่ออาหาร น้ำหนักลดได้
  • ยากลุ่ม Cholinergic ยากลุ่มนี้เป็นยาที่ใช้มานานเพิ่มการไหลออกของน้ำในช่องด้านหน้าลูกตาทำให้ความดันลด
  • ยากลุ่ม Prostaglandin Derivatives ยากลุ่มนี้เป็นยากลุ่มใหม่ มีประสิทธิภาพในการลดความดันตาได้ดี หยอดวันละครั้งมีผลข้างเคียงทางร่างกายน้อยมาก แต่อาจมีอาการตาแดง ผิวหนังรอบดวงตาคล้ำขึ้น ขนตายาวและหนาขึ้น
  • ยากลุ่ม Fixed Combination ยาที่รวมเอายา 2 ชนิดไว้ในขวดเดียวกัน เพื่อเพิ่มความสะดวกในการหยอดตา

2. รักษาโดยการใช้แสงเลเซอร์

การใช้เลเซอร์มักใช้ร่วมกับการใช้ยา การทำเลเซอร์ในต้อหินนั้นทำได้ไม่ยาก ไม่ค่อยพบภาวะแทรกซ้อน ใช้เวลาทำประมาณ 10-15 นาที โดยไม่ต้องนอนพักที่โรงพยาบาล

3. รักษาโดยการผ่าตัด
มุ่งเน้นที่การทำช่องระบายน้ำภายในลูกตา (Aqueous) จากช่องลูกตาส่วนหน้าออกมาสู่ภายนอก เพื่อลดความดันตา การผ่าตัดต้องทำในห้องผ่าตัด ใช้เพียงการฉีดยาชาหรือดมยาสลบสำหรับผู้ป่วยที่เป็นเด็กเล็ก ใช้วิธีผ่าตัดในกรณีที่ได้รับการรักษาโดยใช้ยาและเลเซอร์อย่างเต็มที่แล้วแต่ไม่สามารถควบคุมความดันตาให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยได้ หรือรักษาจนความดันตาอยู่ในระดับปกติแต่ยังไม่ปลอดภัย โดยมีการสูญเสียลานสายตาหรือเส้นใยประสาทตาอย่างต่อเนื่อง